วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557

ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส

ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส เป็นตัวแทนทีมฟุตบอลจากประเทศฝรั่งเศส เคยเป็นชั้นนำทีมหนึ่งในทวีปยุโรป มีผลงานชนะเลิศฟุตบอลโลก 1 ครั้งใน ฟุตบอลโลก 1998 และเป็นแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ใน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปปี ค.ศ. 1984



ประวัติทีม


ทีมชาติฝรั่งเศสตั้งทีมขึ้นมาในช่วงปี ค.ศ. 1904 ในช่วงที่สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมค.ศ. 1904 โดยพวกเขาลงเล่นในเกมอย่างเป็นทางการนัดแรกกับเบลเยียมในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1904 ซึ่งเกมดังกล่าวจบลงด้วยผลเสมอ 3-3 ในขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1905 ฝรั่งเศสได้ลงเล่นในเกมระดับชาติในสนามของตนเองอย่างเป็นทางการในเกมที่พบกับสวิตเซอร์แลนด์ที่สนามปาร์กเดแพร็งส์ ต่อหน้าผู้ชมราว 500 คน และพวกเขาก็เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะไปด้วยคะแนน 1-0
ในปี ค.ศ. 1932 ฝรั่งเศสได้เข้าร่วมแข่งขันในฟุตบอลโลกที่จัดขึ้นที่ประเทศอุรุกวัย โดยเกมแรกในรายการนี้ของฝรั่งเศสคือถล่มทีมชาติเม็กซิโก 4-1 โดยลูว์เซียง โลร็อง ที่เป็นผู้ยิงประตูแรกของเกม กลายเป็นนักเตะที่ทำประตูแรกสุดของศึกฟุตบอลโลกอีกด้วย แต่ฝรั่งเศสกลับแพ้ 1-0 ใน 2 เกมต่อมากับอาร์เจนตินาและชิลี ทำให้ต้องตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
ในปี ค.ศ. 1934 ฝรั่งเศสยังคงต้องผิดหวังต่อไป เมื่อตกรอบแรกจากการแพ้ออสเตรีย แต่พวกเขาทำผลงานได้ดีอย่างผิดหูผิดตาในครั้งที่พวกเขารับหน้าที่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 1938 หลังจากฝ่าด่านไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศก่อนจะแพ้ให้กับอิตาลีด้วยคะแนน 3-1
ในยุคทศวรรษที่ 1950 นับเป็นยุคทองของวงการฟุตบอลของฝรั่งเศส จากการแจ้งเกิดของนักเตะชื่อดังอย่างฌุสต์ ฟงแตน เจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของฟุตบอลโลก และแรมง กอปา ตำนานดาวยิงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับเรอัลมาดริด ในปี ค.ศ. 1958 ฝรั่งเศสสามารถคว้าอันดับ 3 จากการถล่มทีมชาติเยอรมนีตะวันตก 6-2 โดยฟงแตนยิงคนเดียว 4 ประตู
ในปี ค.ศ. 1960 ฝรั่งเศสรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เป็นครั้งแรก แต่พวกเขากลับทำได้แค่อันดับ 4 หลังจากแพ้ทีมชาติเชโกสโลวาเกีย 2-0 แต่หลังจากนั้น ฝรั่งเศสกลับดำดิ่งลงไปอย่างเห็นได้ชัดจากการที่เปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมบ่อยครั้ง รวมถึงความล้มเหลวในการผ่านเข้าไปเล่นในการแข่งขันระดับเมเจอร์หลายรายการ โดยพวกเขาไม่สามารถประสบความสำเร็จแบบเป็นชิ้นเป็นอันได้เลยในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970
เมื่อในยุคทศวรรษที่ 1980 ฝรั่งเศสกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งจากการนำทัพของมีแชล ปลาตีนี ตัวทำเกมจอมเทคนิค และสามสุดยอดกองกลางอย่างฌ็อง ตีกานา, อาแล็ง ฌีแร็ส และลูยส์ แฟร์น็องแดซ ที่ประสานงานร่วมกันจนถูกขนานนามว่า สี่เหลี่ยมมหัศจรรย์ (Magic Square) พวกเขาพาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ระดับนานาชาติได้สำเร็จในศึกยูโร 1984 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ โดยปลาตีนีได้เป็นดาวซัลโวของรายการด้วยการยิงไปถึง 9 ประตู รวมถึงหนึ่งในประตูในเกมที่ชนะสเปนด้วยคะแนน 2-0 ในนัดชิงชนะเลิศ
นอกจากนี้ในปีเดียวกัน ฝรั่งเศสยังสามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกปี ค.ศ. 1984 ก่อนที่จะคว้าแชมป์รางวัลอาร์เตมีโอ ฟรังกี (คอนเฟเดอเรชันส์คัพในปัจจุบัน) ในปีถัดมาทำให้พวกเขาได้รับการยกให้เป็นทีมเต็ง 1 สำหรับการครองแชมป์ฟุตบอลโลก 1986 แต่แล้วก็ยังคงต้องรอตำแหน่งแชมป์ต่อไป หลังจากทำได้แค่อันดับ 3 ด้วยการแพ้เบลเยียม 4-2
จนกระทั่งปี ค.ศ. 1996 ฝรั่งเศสเริ่มก้าวขึ้นมาสู่การเป็นยอดทีมของวงการลูกฟุตบอลโลก จากการที่เข้าสู่ยุคผลัดใบโดยนำนักเตะดาวรุ่งเข้ามารับใช้ชาติหลายต่อหลายคน ในยูโร 1996 ฝรั่งเศสทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ต้องหยุดอยู่ที่รอบตัดเชือกเช่นเดิมหลังจากแพ้สาธารณรัฐเช็ก ต่อมาในฟุตบอลโลก 1998 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพฝรั่งเศสสามารถระเบิดฟอร์มเก่งด้วยการถล่มบราซิล สุดยอดทีมจากฟุตบอลโลก ในนัดชิงชนะเลิศ 3-0 พร้อมทั้งคว้าแชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ของทีม
ในปี ค.ศ. 2000 ฝรั่งเศสยังคงรักษาความฟอร์มที่ดีไว้ได้อย่างต่อเนื่องด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 2000 ด้วยการชนะอิตาลี 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ ภายใต้การเล่นเกมและสร้างสรรค์เกมของซีเนดีน ซีดาน สุดยอดกองกลางจอมเทคนิคของฝรั่งเศส ทำให้พวกเขาทำสถิติเป็นชาติแรกที่ครองแชมป์ทั้งฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโรนัลตั้งแต่ที่เยอรมนีตะวันตกเคยทำได้เมื่อปี 1974 นอกจากนี้ฝรั่งเศสยังขึ้นไปอันดับ 1 ในการจัดอันดับโลกของฟีฟ่าอีกด้วย
อย่างไรก็ตามฝรั่งเศสเริ่มจะกลับสู่ความตกต่ำอีกครั้ง หลังจากไม่สามารถป้องกันแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 ได้สำเร็จแต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือพวกเขาต้องหยุดอยู่ที่รอบแรกเท่านั้น ก่อนที่ผลงานจะดีขึ้นมาในยูโร 2004 โดยฝรั่งเศสผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ แต่ก็ปราชัยต่อกรีซ เจ้าของแชมป์ในเวลาต่อมา
ในปี ค.ศ. 2006 ฝรั่งเศสเกือบจะไม่ผ่านไปเล่นในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2006 แต่ยังดีที่บรรดานักเตะรุ่นเก่าที่เคยประกาศตัดสินใจอำลาทีมชาติเปลี่ยนใจกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง และพวกเขาก็ยังโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างต่อเนื่องในรอบสุดท้าย หลังจากสู้และสามัคคีกันจนสามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แต่ก็ต้องแพ้อิตาลีจากการดวลจุดโทษไป 5-3 ไปอย่างน่าเสียดาย 2 ปีต่อมาในยูโร 2008 ฝรั่งเศสก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันอีกครั้งหลังจากตกรอบแรก เนื่องจากถูกจับให้อยู่ในกลุ่มที่มีแต่ทีมเต็งที่จะเป็นแชมป์ โดยมีเนเธอร์แลนด์ อิตาลี และโรมาเนีย เป็นสมาชิกร่วมกลุ่มด้วยการเป็นที่ 4 ของกลุ่ม
ต่อมาในปี ค.ศ. 2010 ฝรั่งเศสต้องผิดหวังอีกครั้งหลังตกรอบแรกในการคัดเลือกทีมไปแข่งขันที่ฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ นอกจากนั้นยังมีปัญหาภายในทีมอีกระหว่างนักเตะและผู้ฝึกสอนอีกด้วย ต่อมาในยูโร 2012 ทีมชาติฝรั่งเศสก็เริ่มทำผลงานเริ่มดีขึ้นมา โดยในรอบแบ่งกลุ่มสามารถเป็นรองแชมป์กลุ่มได้ เป็นรองเพียงอังกฤษเท่านั้น แต่แล้วในรอบสิบหกทีมสุดท้ายก็ต้องปราชัยแพ้ให้กับทีมเต็งของรายการนี้อย่างสเปนไป 2-0

ผู้เล่นชุดปัจจุบัน

รายชื่อล่าสุดที่ถูกเรียกตัวมาลงเล่นในฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก (โซนยุโรป) โดยพบกับ สเปน เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 2013

หมายเลขตำแหน่งผู้เล่นวันเกิด (อายุ)ลงเล่นประตูสโมสร
1GKอูว์โก โลริส (กัปตันทีม)26 ธันวาคม ค.ศ. 1986 (27 ปี)450อังกฤษ ทอตนัมฮอตสเปอร์
16GKสแตฟว์ ม็องดานดา28 มีนาคม ค.ศ. 1985 (28 ปี)150ฝรั่งเศส มาร์แซย์
23GKมีกาแอล ล็องโดร14 พฤษภาคม ค.ศ. 1979 (34 ปี)110ฝรั่งเศส บัสตียา
3DFปาทริส เอวรา15 พฤษภาคม ค.ศ. 1981 (32 ปี)480อังกฤษ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
22DFกาแอล กลีชี26 กรกฎาคม ค.ศ. 1985 (28 ปี)170อังกฤษ แมนเชสเตอร์ซิตี
5DFมามาดู ซาโก13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1990 (23 ปี)130ฝรั่งเศส ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง
21DFโลร็อง โกเซียลนี10 กันยายน ค.ศ. 1985 (28 ปี)80อังกฤษ อาร์เซนอล
2DFรอด ฟานี6 ธันวาคม ค.ศ. 1981 (32 ปี)50ฝรั่งเศส มาร์แซย์
15DFคริสต็อฟ ฌาแล31 ตุลาคม ค.ศ. 1983 (30 ปี)41ฝรั่งเศส ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง
13DFมาปู ยางกา-อึมบีวา15 พฤษภาคม ค.ศ. 1989 (24 ปี)30อังกฤษ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด
4DFราฟาแอล วาราน25 เมษายน ค.ศ. 1993 (20 ปี)10สเปน เรอัลมาดริด
7MFฟร็องก์ รีเบรี7 เมษายน ค.ศ. 1983 (30 ปี)7212เยอรมนี บาเยิร์นมิวนิก
6MFยออาน กาบาย14 มกราคม ค.ศ. 1986 (27 ปี)201อังกฤษ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด
8MFมาตีเยอ วาลบูเอนา28 กันยายน ค.ศ. 1984 (29 ปี)205ฝรั่งเศส มาร์แซย์
12MFแบลซ มาตุยดี9 เมษายน ค.ศ. 1987 (26 ปี)110ฝรั่งเศส ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง
11MFมูซา ซีซอโก16 สิงหาคม ค.ศ. 1989 (24 ปี)80อังกฤษ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด
17MFมักซีม กอนาลง10 มีนาคม ค.ศ. 1988 (25 ปี)60ฝรั่งเศส ลียง
20MFดีมีทรี ปาแย29 มีนาคม ค.ศ. 1987 (26 ปี)30ฝรั่งเศส ลีล
19MFพอล ป็อกบา15 มีนาคม ค.ศ. 1993 (20 ปี)10อิตาลี ยูเวนตุส
10FWการีม แบนเซมา19 ธันวาคม ค.ศ. 1987 (26 ปี)5615สเปน เรอัลมาดริด
14FWเฌเรมี เมแนซ7 พฤษภาคม ค.ศ. 1987 (26 ปี)232ฝรั่งเศส ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง
24FWลออิก เรมี2 มกราคม ค.ศ. 1987 (27 ปี)184อังกฤษ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์
9FWออลีวีเย ฌีรู30 กันยายน ค.ศ. 1986 (27 ปี)163อังกฤษ อาร์เซนอล
18FWบาเฟตีมบี กอมิส6 สิงหาคม ค.ศ. 1985 (28 ปี)103ฝรั่งเศส ลียง

วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557

การหาบ้านในปารีส

รายชื่อ web site ที่เสนอที่พักในปารีส
> Paruvendu
> Abonim75paris
> Pap.fr
> Logic-immo
> Explorimmo
> Lesiteimmobilier
> Drimmo

หา บ้านในปารีส ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ ยิ่งหาที่ดี ราคาถูกเหมือนทุกคนที่อยากได้ ก็ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ ถ้าเพื่อนๆ งบน้อยแต่อยากได้ที่พักเหมาะสมกับราคา ลองมองหาดูตามเขตรอบนอกตัวเมือง ของปารีสก็ดีนะครับ ราคาจะถูกลงมาค่อนข้างมากและตัวเลือกก็จะเพิ่มขึ้นมาด้วย
ราคาค่าเช่า บ้านโดยประมาณในปารีสแล้วแต่เขตด้วยครับ เริ่มต้นจาก Studio 15M² - 30 M² ต่ำสุดๆคงเริ่มต้นที่ 500 € ราคานี้ก็หายาก เคยเห็นคนหาได้ถูกกว่านี้ก็มี แต่น้อยมากไม่เช่นนั้นก็จะขนาดเล็กมากๆ
ราคาเฉี่ลยอยู่ที่ประมาณ 600 € + ต่อเดือนสำหรับ Studio ที่มีห้องอาบ น้ำในตัว และมุมครัวเล็กๆ โดยรวมค่าน้ำค่าไฟ
Internet ราคาเดือนละ 30 € / ของ บ. free : www.free.fr ดีมากถ้าในตัวตึกมีผู้ติดแล้ว สามารถโทรกลับเมืองไทยเข้าเบอร์บ้านได้ฟรี มีรวมทั้ง TV / Internet / โทรศัพท์
ถ้า เป็น นศ. ที่ไม่มีรายได้ ก็จะได้ เงิน CAF ช่วยจากรัฐบาลฝรั่งเศส ประมาณ 180€ / ต่อเดือน (ในปารีส) หรือ 230 € สำหรับเด็ก นร. ทุนBoursier
การหา บ้านรอบนอกปารีสสิ่งสำคัญในการหาบ้านรอบนอก สิ่งที่ต้องนึกถึงอย่างแรกคือด้านการคมนาคม และต้องดูสถานที่ศึกษาและ มหาวิทยาลัย เช่นถ้า มหาวิทยาลัยอยู่ที่ Sorbonne Pantéon มีสาย RER B ผ่านที่ สถานี Luxembourg การหาบ้าน ก็แนะนำให้หาบ้าน ลงมาทางใต้เช่น Bagneux หรือ Bourg la reine ที่มีสาย RER B วิ่งผ่าน นั่งรถไปใช้เวลา ไม่เกิน 20 นาทีก็ถึง และก็ช่วยประหยัดค่าเช่าได้เยอะ
อีกตัวอย่างเช่น Maisons Alfort ที่อยู่ออกไปนอกเมืองหน่อย แต่ก็มีสถานีรถไฟRER D วิ่งเข้ามาถึง Gare de Lyon และจาก Gare de Lyon ก็มีทั้งสาย RER A และ เมโทรสาย 1 หรือจะนั่งไปต่อ จนถึง Chatelete ก็ได้ ตัวอย่างสุดท้าย คงจะเป็น La Défense ถ้ามหาลัยอยู่ Naterre ก็จะสบายหน่อย มีศูนย์การค้าใหญ่โตประมาณ World Trade บ้านเรา นั่งรถป้ายเดียวถึง มหาวิทยาลัย เดินทางเข้าปารีสแสนสะดวก มีรถไฟมาก จาก La Défense มาถึง Chatelet ใช้เวลา 15 นาที
ข้อดีการอยู่นอกเมือง ประหยัดกว่า มีตัวเลือกเยอะกว่า สงบกว่า
แต่ก็อย่าเลือกจนไกลเกินตัวเพราะ ไหนจะเรียนยาก และ หนักถ้าต้องนั่งรถเป็น ชม เพื่อกลับบ้านและประหยัดขึ้นมาได้อีก 100 € ไม่ขอแนะนำ
ส่วน เขตที่ไม่แนะนำเลยคงจะเป็น 93 ทางเหนือ Saint Denis หลีกเลี่ยงได้ก็อย่าไปนะครับ มันไม่ได้อันตรายอะไรถึงขนาดนั้น แต่ระวังไว้นิดก็ดีกว่าเพราะ
เป็นการเช่าบ้านอยู่ร่วมกัน Collocation

เวปไซท์ดังสุดสำหรับการหาบ้านแบ่งกันอยู่ ในปารีส
http://www.colocation.fr/ มีฐานข้อมูลแบบ เสียเงิน ประมาณ 5€
http://paris.kijiji.fr/ / เวปประกาศฟรี
http://www.appartager.com / มีฐานข้อมูลแบบ เสียเงินดูได้ ประมาณ ราคาเริ่มต้นที่ 35€ และก็มีข้อมูลให้เลือกมากมายหมาศาล เลือกดูตรงหัวข้อ Colocation หรือ หาเช่าห้องพักแบบคนเดียวก็มี
ควรหลีกเลี่ยง พวกประกาศที่ดูน่าระแวง เช่น ชายหนุ่มหาคนมาอยู่ด้วย(เฉพาะหญิงสาวเท่านั้น) ราคาต่อรองกันได้ ... ถ้าเป็นผู้หญิงแนะนำให้หาเป็นcolocation กับผู้หญิงค้างไว้ก่อน ว่างแล้วจะกลับมาเขียนต่อบางสิ่งบางอย่างที่ควรรู้ก่อนจะเข้าอาศัยอยู่ที่ พัก Etat de lieux = สถานะภาพ ของ ที่พัก



ข้อควรระวัง
ก่อน จะออกหรือเข้าก็จะต้อง เซ็นต์ชื่อเพื่อตรวจดู Etat de lieux มิเช่นนั้นจะไม่สามารถทำการเข้าอยู่ได้ ถ่ายรูปเก็บไว้จะเป็นการดียิ่ง และให้มีการเซ็ต์รับรอง กรอกรายละเอียดสภาพของที่ชำรุดหรือเก่าโทรม มากๆอย่าเข้าอยู่หรือเช่าก่อนโดยที่ไม่มีการตรวจสอบ และ เซ็นต์ Etat de lieuxอย่าตอกตะปู หรือ ทำรูบนผนัง คุณอาจจะต้องเสีย ค่าซ่อมแซมมากมาย บางรู ราคา 60 € ก็ยังมี (รูละ 3000 บาท ...) ถ้าอยากติดอะไร แนะนำให้ไปซื้อพวกดินน้ำมันที่มีขาย ต่างห้างร้านเครื่องเขียนมาติด อย่าทิ้งข้าวของที่ไม่ใช่ของเราที่มีอยู่ใน สถานที่พัก ถึงแม้มันจะเก่ามากแล้วก็ตาม ควรจะบอกกล่าว ขออนุญาติ เจ้าของผู้ให้เช่าก่อน
สิ่งที่เคยเห็นว่าโดนเอาเปรียบจากการตรวจสอบที่ ไม่ดี ก็มีเช่น ก๊อกน้ำรั่วหรือกระเบื้องในห้องน้ำแตก ราคาสูงมากในการซ่อมแซม และถ้าเราไม่ได้ทำเสียอีก ... 

วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2557

ร้านขนมและร้านขายยา (ฝรั่งเศส)

ร้านขนมและร้านขายยา (ฝรั่งเศส)
ร้านขนม ย่านมาเคร่




ร้าน Le Loir dans la théière ร้านนี้เป็นร้านขึ้นชื่อ ย่านมาเคร่ ที่เปิดวันอาทิตย์ อยู่ ในย่าน มาเคร่ ฝั่งด้วย โบสถ์ St Paul โดนย่านมาเคร่ นั้น ถ้าจะเอา กันง่ายๆ จะ อยู่ระหว่าง Hotel de Ville กับ โบสถ์ St Paul ขนาน ถนน Rivoli ร้านร้านนี้เป็นแนวๆ ร้านกาแฟ เก่า นั่ง ชิวๆๆ มี ขนมบ้าน (เค้ก) ให้เลือก ตามอารมณ์ เจ้าของปารีส


ร้านขายยา ราคาถูก ในปารีส


ของฝากอีกชนิดหนึ่งซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่ ไม่ค่อยรู้จักแต่ถูกใจผู้หญิงในหลายๆวัย ก็คงจะเป็น ยาและเครื่องสำอางค์ของฝรั่งเศส ซึงมีคุณภาพสูงและราคาถูกกว่าเมืองไทยเยอะเลยทีเดียว เลยนำเอาร้านเภสัช ชื่อดัง ราคาถูกมาแบ่งปันเผื่อมีใครฝากให้ซื้อครีม หรือ ลิปสติกมันไว้ใช้จะได้ซื้อในราคาที่ถูกๆ
วันเสาร์จะคนจะค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง 90 %
ชื่อร้าน : CITY PHARMA
Métro : สาย 4 Saint Germain des près
เวลาทำการ : เปิดจันทร์-เสาร์ 8:30 - 20:00 H
วันอาทิตย์เปิด ตอน 9:00 - 20:00 H

วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2557

ครัวซองต์

ถ้าพูดถึงขนมชนิดนี้แล้ว เชื่อกันว่า คนส่วนใหญ่คงรู้จักมันเป็นอย่างดี และหากได้ฟังจากชื่อ ครัวซองต์ (croissant) ของมันแล้ว ก็คงมีคนเป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่คิดว่า เจ้าขนมปังรูปพระจันทร์เสี้ยวนี้ คงมีที่มาจากประเทศฝรั่งเศสเป็นแน่ ทว่าจริง ๆ แล้วครัวซองต์หาได้เป็นอาหารดั้งเดิมของฝรั่งเศสไม่
ขนมที่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดชนิดหนึ่งนี้ ถือกำเนิดขึ้นมาในศตวรรษที่ 17 โดยในปี ค.ศ.1683 จักรวรรดิออตโตมานของชาวเติร์กได้ส่งกองทัพอันมีไพร่พลหนึ่งแสนนายยกไปปิดล้อมกรุงเวียนนา ในสงครามครั้งนั้น ชาวเติร์กได้ล้อมเมืองอยู่นานหลายเดือน จนชาวเวียนนาพากันสิ้นหวังที่จะมีโอกาสรอดพ้นจากเงื้อมมือกองทัพข้าศึกได้

หลังจากที่เข้าตีเมืองหลายครั้งแต่ก็ยังไม่อาจทำลายกำแพงอันแข็งแกร่งลงได้ ทหารเติร์กจึงได้ดำเนินกลอุบายขุดอุโมงค์ลอดใต้กำแพงเมืองเพื่อเข้าโจมตี ทว่าคนทำขนมปังที่เข้าเวรในกะดึกได้ยินเสียงขุดอุโมงค์ของพวกเติร์ก จึงได้แจ้งเตือนทหารรักษาเมืองจนสามารถป้องกันไม่ให้ทหารเติร์กขุดอุโมงค์เจาะผ่านกำแพงกรุงเวียนนาเข้ามาได้ และช่วยรักษาเมืองเอาไว้ได้จนกระทั่งกองทัพของกษัตริย์จอห์นที่สามแห่งโปแลนด์ ได้ยกพลมาถึงกรุงเวียนนาและขับไล่กองทัพออตโตมานออกไปได้

ชัยชนะในครั้งนั้น ได้ทำให้บรรดาคนทำขนมปังในเวียนนาจัดการเฉลิมฉลองด้วยการทำขนมปังแบบใหม่ โดยอบแป้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวเลียนแบบสัญลักษณ์บนธงของพวกเติร์ก โดยเรียกขนมดังกล่าวว่า คิปเฟล (Kipfel) ซึ่งเป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า พระจันทร์เสี้ยว ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นครัวซองต์ในปี ค.ศ. 1770 หลังจากที่เจ้าหญิงมารี อังตัวแนตเสด็จมาเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 โดยช่างทำขนมปังชาวฝรั่งเศสได้ทำคิปเฟลถวายพระนางทุกวัน และหลังจากนั้นคิปเฟลก็เริ่มเป็นที่แพร่หลายในฝรั่งเศสและกลายมาเป็นครัวซองต์ในทุกวันนี้
ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.komkid.com

วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2557

""บาแก็ตต์""

"บาแก็ตต์" (Baguette) ที่มีความหมายว่า "แท่งไม้" ตามรูปลักษณ์ของมัน เอกลักษณ์ของมันคือความกรอบของเปลือก  บาแก็ตต์ผิดกับขนมปังทั่วไปตรงความ "กรอบนอกนุ่มใน" ทำให้เวลาผ่า ตัด หรือเฉือนเป็นส่วนๆ ทำได้ง่าย และขนมปังไม่เสียรูป บาแก็ตต์เป็นขนมปังที่คนฝรั่งเศสกินกันอย่างแพร่หลายจนแทบจะกลายเป็นขนมปังประจำชาติ ทำให้คนส่วนใหญ่เรียกบาแก็ตต์ว่า "ขนมปังฝรั่งเศส"
แต่จริงๆ แล้ว ต้นกำเนิดของบาแก็ตต์ไม่ใช่ของฝรั่งเศสแท้ๆ  หากมันมีต้นกำเนิดจาก "เวียนนา" ประเทศออสเตรีย ในช่วงประมาณยุคกลางศตวรรษที่ 19




ขนมปังฝรั่งเศสจริงๆ แบบดั้งเดิมคือ "บูล" (Boule) ครับ เป็นขนมปังกลมๆ ใหญ่ๆ ซึ่งขนมปังบูลนี้คนฝรั่งเศสกินกันมานานจนเป็นประวัติศาสตร์และเป็นที่มาของคำว่าเบเกอรี่ของภาษาฝรั่งเศสที่ออกเสียงว่า "บูลองเฌอฆรี"(Boulangerie) ด้วย  



เหตุที่คนฝรั่งเศสหันมากินบาแก็ตต์แทนบูลกันทั้งประเทศ ก็เพราะรูปร่างที่ไม่เป็นก้อนอวบกลม ทำให้เนื้อขนมไม่สุกจนเกินไป และความกรอบของผิวพอดีกับความหยุ่นของเนื้อขนม อย่างที่ภาษาขนมปังเรียกว่าได้ส่วนกันระหว่าง "เปลือก/crust" และ "ปุย/crumb" ง่ายๆ คืออร่อยกว่า เนื้อถูกปากกว่า นอกจากนี้ ในช่วงปี ค.ศ.1920 ฝรั่งเศสเคยมีกฎหมายแปลกๆ  คือห้ามคนทำงานก่อนตีสี่ ทำให้การอบขนมปังบูลไม่ทันเวลาเปิดร้าน เพราะใช้เวลาอบนานกว่าบาแก็ตต์ จึงได้มีการออกแบบรูปทรงของขนมปังใหม่ให้สามารถทำและอบสุกได้อย่างรวดเร็ว ทันเวลาของผู้คนที่จะมาซื้อขนมปังไปรับประทานในเวลาเช้า และรูปทรงใหม่นี้ เหมาะแก่การหั่นทำแซนวิชได้เร็วขึ้นอีกด้วย

ประวัติศาสตร์การกินขนมปังของฝรั่งเศสจึงพลิกโฉมไปนิยมกินบาแก็ตต์แท่งยาวจากออสเตรีย และนิยมสืบต่อมาจนกลายเป็นขนมปังประจำชาติด้วย




ขอบคุณขอมูลจาก http://www.kroobannok.com/61128

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

รถยนต์ที่มาจากฝรั่งเศส ( เรอโนลต์)





ทั้งสิ้น ที่จริงแล้วเรอโนลต์เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่สำคัญที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส ประวัติศาสตร์ของผู้ผลิตรถยนต์รายนี้เริ่มต้นในปี 1898 เมื่อ หลุยส์ เรอโนลต์ (LOUIS RENAULT) ชาวฝรั่งเศส บุตรชายของพ่อค้าผ้าผู้มีอันจะกินได้ร่วมกับน้องชายสองคนคือ มาร์เชล และ เฟอร์นอง หลุยส์ ก่อตั้งกิจการผลิตรถยนต์ขึ้นในย่านบียองกูต์ ชานกรุงปารีสด้วยเงินทุนแค่ 40,000 ฟรองซ์ การทำงานอย่างทุ่มเทของสามพี่น้องทำให้กิจการที่ก่อตั้งขึ้นใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว คือภายใน 6 เดือน ก็สามารถผลิตรถเก๋งขนาดสองที่นั่งได้ถึง 60 คัน ในระยะแรก ๆ เรอโนลต์ผลิตรถยนต์โดยอาศัยเครื่องยนต์ของผู้ผลิตอีกรายคือ เดอ ดิออง (DE DION) จนกระทั่งปี 1902 เรอโนลต์จึงทำเครื่องยนต์ขึ้นเอง เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 6.3 ลิตรวาล์วข้าง และนับแต่นั้นกิจการก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว พอถึงปี 1913 เรอโนลต์ก็กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส มีพนักงานถึง 3,936 คน และผลิตรถยนต์ออกจำหน่ายถึงปีละ 10,000 คัน

     ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง หลุยส์ เรอโนลต์ก็ได้พบกับคู่แข่งตัวฉกาจคือ อองเดร ซีตรอง (ANDRE CITROEN) ผู้ให้กำเนิดรถ ซีตรอง อันเลื่องชื่อเรอโนลต์สู้กับซีตรองแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน และผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้คือ ซีตรองแทบล้มละลายในขณะที่เรอโนลต์กลับเติบโตยิ่งขึ้นก่อนสงครามระเบิดโรงงาน เรอโนลต์ ในกรุงปารีสมีพนักงานกว่า 40,000 คน และผลิตรถได้ถึงวันละ 250 คัน หลังสงคราม หลุยส์ เรอโนลต์ ถูกกองทัพกู้ชาติของนายพลชาร์ล เดอโกล กล่าวหาว่าทรยศต่อชาติ โดยให้ความร่วมมือแก่กองทัพนาซีที่เข้ายึดครองฝรั่งเศสเขาติดคุกเพียงหนึ่งเดือนแล้วก็เป็นอิสระหลังจากพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เป็นดังที่ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตามกิจการผลิตรถเรอโนลต์ที่หลุยส์ เรอโนลต์ถือหุ้นอยู่ถึงร้อยละ 98 ถูกยึดเป็นสมบัติของรัฐ ไม่กี่เดือนหลังจากนั้นคือในวันที่ 24 ตุลาคม 1944 หลุยส์ เรอโนลต์ก็จากโลกด้วยความระทมใจ ปัจจุบัน เรอโนลต์ยังมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจผู้ผลิตรถยนต์ของรัฐบาลฝรั่งเศส และเป็นคู่แข่งขันรายสำคัญของกลุ่มเปอโยต์/ซีตรอง ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์เอกชน ในรอบปี 1990 เรอโนลต์เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ทำยอดขายสูงสุดอันดับ 9 ของโลก คือทำยอดขายได้รวมทั้งสิ้นประมาณ 780,000 ล้านบาท จากยอดขายรถยนต์นั่ง รถตู้ รถบรรทุกเล็ก และรถประเภทอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 1,871,032 คัน รถยนต์นั่งที่เรอโนลต์ผลิตออกจำหน่ายในปัจจุบัน มีตั้งแต่รถขนาดเล็กอนุกรมเก่าแก่อย่าง เรอโนลต์ 4 และ เรอโนลต์ 5 ไปจนถึงรถยนต์นั่งระดับหรูอย่าง เรอโนลต์ 25 และรถสปอร์ทอย่าง เรอโนลต์ อัลปีน



วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

รถยนต์ที่มาจากฝรั่งเศส (ซิมคา)

ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2477 โดย เฮนรี่ ทีโอดอร์ ปิโกซสิ และปิดกิจการในปี พ.ศ. 2522 โดยบริษัท
พีเอสเอ เจ้าของรถยนต์ยี่ห้อ ซีตรอง และ เปอโยต์ ของประเทศฝรั่งเศส