ประวัติทีม
ทีมชาติฝรั่งเศสตั้งทีมขึ้นมาในช่วงปี ค.ศ. 1904 ในช่วงที่สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมค.ศ. 1904 โดยพวกเขาลงเล่นในเกมอย่างเป็นทางการนัดแรกกับเบลเยียมในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1904 ซึ่งเกมดังกล่าวจบลงด้วยผลเสมอ 3-3 ในขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1905 ฝรั่งเศสได้ลงเล่นในเกมระดับชาติในสนามของตนเองอย่างเป็นทางการในเกมที่พบกับสวิตเซอร์แลนด์ที่สนามปาร์กเดแพร็งส์ ต่อหน้าผู้ชมราว 500 คน และพวกเขาก็เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะไปด้วยคะแนน 1-0
ในปี ค.ศ. 1932 ฝรั่งเศสได้เข้าร่วมแข่งขันในฟุตบอลโลกที่จัดขึ้นที่ประเทศอุรุกวัย โดยเกมแรกในรายการนี้ของฝรั่งเศสคือถล่มทีมชาติเม็กซิโก 4-1 โดยลูว์เซียง โลร็อง ที่เป็นผู้ยิงประตูแรกของเกม กลายเป็นนักเตะที่ทำประตูแรกสุดของศึกฟุตบอลโลกอีกด้วย แต่ฝรั่งเศสกลับแพ้ 1-0 ใน 2 เกมต่อมากับอาร์เจนตินาและชิลี ทำให้ต้องตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
ในปี ค.ศ. 1934 ฝรั่งเศสยังคงต้องผิดหวังต่อไป เมื่อตกรอบแรกจากการแพ้ออสเตรีย แต่พวกเขาทำผลงานได้ดีอย่างผิดหูผิดตาในครั้งที่พวกเขารับหน้าที่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 1938 หลังจากฝ่าด่านไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศก่อนจะแพ้ให้กับอิตาลีด้วยคะแนน 3-1
ในยุคทศวรรษที่ 1950 นับเป็นยุคทองของวงการฟุตบอลของฝรั่งเศส จากการแจ้งเกิดของนักเตะชื่อดังอย่างฌุสต์ ฟงแตน เจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของฟุตบอลโลก และแรมง กอปา ตำนานดาวยิงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับเรอัลมาดริด ในปี ค.ศ. 1958 ฝรั่งเศสสามารถคว้าอันดับ 3 จากการถล่มทีมชาติเยอรมนีตะวันตก 6-2 โดยฟงแตนยิงคนเดียว 4 ประตู
ในปี ค.ศ. 1960 ฝรั่งเศสรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เป็นครั้งแรก แต่พวกเขากลับทำได้แค่อันดับ 4 หลังจากแพ้ทีมชาติเชโกสโลวาเกีย 2-0 แต่หลังจากนั้น ฝรั่งเศสกลับดำดิ่งลงไปอย่างเห็นได้ชัดจากการที่เปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมบ่อยครั้ง รวมถึงความล้มเหลวในการผ่านเข้าไปเล่นในการแข่งขันระดับเมเจอร์หลายรายการ โดยพวกเขาไม่สามารถประสบความสำเร็จแบบเป็นชิ้นเป็นอันได้เลยในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970
เมื่อในยุคทศวรรษที่ 1980 ฝรั่งเศสกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งจากการนำทัพของมีแชล ปลาตีนี ตัวทำเกมจอมเทคนิค และสามสุดยอดกองกลางอย่างฌ็อง ตีกานา, อาแล็ง ฌีแร็ส และลูยส์ แฟร์น็องแดซ ที่ประสานงานร่วมกันจนถูกขนานนามว่า สี่เหลี่ยมมหัศจรรย์ (Magic Square) พวกเขาพาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ระดับนานาชาติได้สำเร็จในศึกยูโร 1984 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ โดยปลาตีนีได้เป็นดาวซัลโวของรายการด้วยการยิงไปถึง 9 ประตู รวมถึงหนึ่งในประตูในเกมที่ชนะสเปนด้วยคะแนน 2-0 ในนัดชิงชนะเลิศ
นอกจากนี้ในปีเดียวกัน ฝรั่งเศสยังสามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกปี ค.ศ. 1984 ก่อนที่จะคว้าแชมป์รางวัลอาร์เตมีโอ ฟรังกี (คอนเฟเดอเรชันส์คัพในปัจจุบัน) ในปีถัดมาทำให้พวกเขาได้รับการยกให้เป็นทีมเต็ง 1 สำหรับการครองแชมป์ฟุตบอลโลก 1986 แต่แล้วก็ยังคงต้องรอตำแหน่งแชมป์ต่อไป หลังจากทำได้แค่อันดับ 3 ด้วยการแพ้เบลเยียม 4-2
จนกระทั่งปี ค.ศ. 1996 ฝรั่งเศสเริ่มก้าวขึ้นมาสู่การเป็นยอดทีมของวงการลูกฟุตบอลโลก จากการที่เข้าสู่ยุคผลัดใบโดยนำนักเตะดาวรุ่งเข้ามารับใช้ชาติหลายต่อหลายคน ในยูโร 1996 ฝรั่งเศสทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ต้องหยุดอยู่ที่รอบตัดเชือกเช่นเดิมหลังจากแพ้สาธารณรัฐเช็ก ต่อมาในฟุตบอลโลก 1998 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพฝรั่งเศสสามารถระเบิดฟอร์มเก่งด้วยการถล่มบราซิล สุดยอดทีมจากฟุตบอลโลก ในนัดชิงชนะเลิศ 3-0 พร้อมทั้งคว้าแชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ของทีม
ในปี ค.ศ. 2000 ฝรั่งเศสยังคงรักษาความฟอร์มที่ดีไว้ได้อย่างต่อเนื่องด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 2000 ด้วยการชนะอิตาลี 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ ภายใต้การเล่นเกมและสร้างสรรค์เกมของซีเนดีน ซีดาน สุดยอดกองกลางจอมเทคนิคของฝรั่งเศส ทำให้พวกเขาทำสถิติเป็นชาติแรกที่ครองแชมป์ทั้งฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโรนัลตั้งแต่ที่เยอรมนีตะวันตกเคยทำได้เมื่อปี 1974 นอกจากนี้ฝรั่งเศสยังขึ้นไปอันดับ 1 ในการจัดอันดับโลกของฟีฟ่าอีกด้วย
อย่างไรก็ตามฝรั่งเศสเริ่มจะกลับสู่ความตกต่ำอีกครั้ง หลังจากไม่สามารถป้องกันแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 ได้สำเร็จแต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือพวกเขาต้องหยุดอยู่ที่รอบแรกเท่านั้น ก่อนที่ผลงานจะดีขึ้นมาในยูโร 2004 โดยฝรั่งเศสผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ แต่ก็ปราชัยต่อกรีซ เจ้าของแชมป์ในเวลาต่อมา
ในปี ค.ศ. 2006 ฝรั่งเศสเกือบจะไม่ผ่านไปเล่นในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2006 แต่ยังดีที่บรรดานักเตะรุ่นเก่าที่เคยประกาศตัดสินใจอำลาทีมชาติเปลี่ยนใจกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง และพวกเขาก็ยังโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างต่อเนื่องในรอบสุดท้าย หลังจากสู้และสามัคคีกันจนสามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แต่ก็ต้องแพ้อิตาลีจากการดวลจุดโทษไป 5-3 ไปอย่างน่าเสียดาย 2 ปีต่อมาในยูโร 2008 ฝรั่งเศสก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันอีกครั้งหลังจากตกรอบแรก เนื่องจากถูกจับให้อยู่ในกลุ่มที่มีแต่ทีมเต็งที่จะเป็นแชมป์ โดยมีเนเธอร์แลนด์ อิตาลี และโรมาเนีย เป็นสมาชิกร่วมกลุ่มด้วยการเป็นที่ 4 ของกลุ่ม
ต่อมาในปี ค.ศ. 2010 ฝรั่งเศสต้องผิดหวังอีกครั้งหลังตกรอบแรกในการคัดเลือกทีมไปแข่งขันที่ฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ นอกจากนั้นยังมีปัญหาภายในทีมอีกระหว่างนักเตะและผู้ฝึกสอนอีกด้วย ต่อมาในยูโร 2012 ทีมชาติฝรั่งเศสก็เริ่มทำผลงานเริ่มดีขึ้นมา โดยในรอบแบ่งกลุ่มสามารถเป็นรองแชมป์กลุ่มได้ เป็นรองเพียงอังกฤษเท่านั้น แต่แล้วในรอบสิบหกทีมสุดท้ายก็ต้องปราชัยแพ้ให้กับทีมเต็งของรายการนี้อย่างสเปนไป 2-0
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
รายชื่อล่าสุดที่ถูกเรียกตัวมาลงเล่นในฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก (โซนยุโรป) โดยพบกับ สเปน เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 2013
หมายเลข | ตำแหน่ง | ผู้เล่น | วันเกิด (อายุ) | ลงเล่น | ประตู | สโมสร |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | GK | อูว์โก โลริส (กัปตันทีม) | 26 ธันวาคม ค.ศ. 1986 | 45 | 0 | ทอตนัมฮอตสเปอร์ |
16 | GK | สแตฟว์ ม็องดานดา | 28 มีนาคม ค.ศ. 1985 | 15 | 0 | มาร์แซย์ |
23 | GK | มีกาแอล ล็องโดร | 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1979 | 11 | 0 | บัสตียา |
3 | DF | ปาทริส เอวรา | 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1981 | 48 | 0 | แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด |
22 | DF | กาแอล กลีชี | 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1985 | 17 | 0 | แมนเชสเตอร์ซิตี |
5 | DF | มามาดู ซาโก | 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1990 | 13 | 0 | ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง |
21 | DF | โลร็อง โกเซียลนี | 10 กันยายน ค.ศ. 1985 | 8 | 0 | อาร์เซนอล |
2 | DF | รอด ฟานี | 6 ธันวาคม ค.ศ. 1981 | 5 | 0 | มาร์แซย์ |
15 | DF | คริสต็อฟ ฌาแล | 31 ตุลาคม ค.ศ. 1983 | 4 | 1 | ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง |
13 | DF | มาปู ยางกา-อึมบีวา | 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1989 | 3 | 0 | นิวคาสเซิลยูไนเต็ด |
4 | DF | ราฟาแอล วาราน | 25 เมษายน ค.ศ. 1993 | 1 | 0 | เรอัลมาดริด |
7 | MF | ฟร็องก์ รีเบรี | 7 เมษายน ค.ศ. 1983 | 72 | 12 | บาเยิร์นมิวนิก |
6 | MF | ยออาน กาบาย | 14 มกราคม ค.ศ. 1986 | 20 | 1 | นิวคาสเซิลยูไนเต็ด |
8 | MF | มาตีเยอ วาลบูเอนา | 28 กันยายน ค.ศ. 1984 | 20 | 5 | มาร์แซย์ |
12 | MF | แบลซ มาตุยดี | 9 เมษายน ค.ศ. 1987 | 11 | 0 | ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง |
11 | MF | มูซา ซีซอโก | 16 สิงหาคม ค.ศ. 1989 | 8 | 0 | นิวคาสเซิลยูไนเต็ด |
17 | MF | มักซีม กอนาลง | 10 มีนาคม ค.ศ. 1988 | 6 | 0 | ลียง |
20 | MF | ดีมีทรี ปาแย | 29 มีนาคม ค.ศ. 1987 | 3 | 0 | ลีล |
19 | MF | พอล ป็อกบา | 15 มีนาคม ค.ศ. 1993 | 1 | 0 | ยูเวนตุส |
10 | FW | การีม แบนเซมา | 19 ธันวาคม ค.ศ. 1987 | 56 | 15 | เรอัลมาดริด |
14 | FW | เฌเรมี เมแนซ | 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1987 | 23 | 2 | ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง |
24 | FW | ลออิก เรมี | 2 มกราคม ค.ศ. 1987 | 18 | 4 | ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ |
9 | FW | ออลีวีเย ฌีรู | 30 กันยายน ค.ศ. 1986 | 16 | 3 | อาร์เซนอล |
18 | FW | บาเฟตีมบี กอมิส | 6 สิงหาคม ค.ศ. 1985 | 10 | 3 | ลียง |