วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

มารยาทในการรับประทานอาหารยุโรป ตอนที่ 3

9  ศัตรูสำคัญสำหรับการทานอาหารจำพวกเนื้อคือ   ..........
               การทานอาหารจำพวกเนื้ออาศัย    การตัด   จากมีดอย่างแท้จริง  เศษกระดูกชื้นใหญ่กว่ากระดูกปลาที่เหลือเอาไว้บนจานความลำบากและเรื่องที่นึกไม่ถึงมีอยู่ในอาหารแต่ละชนิด   แต่หากตัดสินใจเลิกทาน ก็เป็นอันว่า หมดโอกาสลิ้มลองอาหาร มิหนำซ้ำ จะเป็นการทำให้คิดว่า เป็นวิธีทานอาหารที่ยากลำบากซะเหลือเกิน
               อย่าหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จนหมดตั้งแต่ทีแรก
               อาหารทุกชนิดให้จำเอาไว้ว่า หั่นแล้วทาน เป็นคำ ๆ ไป ส่วนอาหารจำพวกเนื้อ ให้หั่นจากซ้ายมาขวา โดยให้ขนาดใหญ่พอดีคำ แล้วจึงทานทุกครั้งที่หั่นออกมา อย่านำเนื้อชิ้นใหญ่เกินไปเข้าปาก เพราะจะทำให้เคี้ยวลำบาก และต้องออกแรงมากเกินไปในการเคี้ยว จนทำให้เกิดเสียงดังและมองดูน่าเกลียด  อีกสิ่งที่ควรรู้ควบคู่กันไปก็คือในอาหารแต่ละจานนั้น จะมีผักที่เป็นเครื่องเคียงใส่มาในจานเดียวกันด้วย เพื่อให้ได้รสชาติ ที่ครบถ้วนควรจะทานสลับกันทั้งเนื้อ และผักที่เป็นเครื่องเคียงจึงจะเหมาะสม
               การทานอาหารที่มีกระดูกติดมาด้วย
               กรณีที่เป็นอาหารประเภทเนื้อติดออกมาด้วย จะต้องเลาะกระดูกออกก่อน แล้วจึงจัดการกับส่วนเนื้อต่อไป ถ้าเป็นไก่ติดกระดูกจะมีกระดูกอยู่ในส่วนเนื้ออีกหลายแท่ง ก่อนอื่นควรจะเลาะตรงข้อต่อเสียก่อนเพื่อให้ชิ้นเล็กลง แล้วจึงเลาะกระดูกด้านในออกมา    สำหรับน่องไก่ที่มีกระดาษพันที่ปลายมานั้น บางครั้งอาจจะดูเหมือนว่าการใช้มือจับส่วนที่เป็นกระดูกไว้แล้วทานส่วนที่เป็นเนื้อจะดูง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม ให้จับส่วนที่มีกระดาษพันเอาไว้รอบ ๆ กระดูกดูจะง่ายกว่า จากนั้นจึงใช้มีดหั่นส่วนที่เป็นเนื้อออกมา    อาหารอีกประเภทที่ควรรู้ไว้ด้วยในที่นี้ก็คือ อาหารที่เสียบไม่ย่างและนำใส่จานมาทั้งไม้เลย (ที่เรียกกันว่า บาร์บีคิว)นั้น ถ้าเป็นงานสังสรรค์แบบกันเองในที่กลางแจ้งหรือสนามหย็าละก็ ไม่จำเป็นต้องดึงเอาไม้เสียบออก แต่ถ้านอกเหนือจากสถานที่เช่นนั้น ให้ดึงเอาไม้ออกเสียก่อนจึงจะลงมือทานเวลาจะดึงออกก็ให้จับปลายไม้ด้วยมือขวา ใช้ส้อมจิ้มเนื้อเอาไว้กับจาน ค่อย ๆ หมุนเบา ๆ และดึงเอาไม้ออกจะง่ายกว่าออกแรงดึงออกมาตรงเลย
               ราดน้ำซอสให้เพียงพอก่อนลงมือทาน
               ควรจะราดน้ำซอสบนเนื้อไก่ให้ชุ่มก่อนทาน จะได้รสชาติของอาหารได้ดีขึ้น  แต่ในกรณีที่ต้องตักซอสเอง อย่าราดให้กระเด็น หรือหกเลอะเทอะ  สำหรับพวกมัสตาร์ด หรือเครื่องปรุงอื่น ๆ ที่มีกลิ่นฉุน อย่าทาให้ทั่วเนื้อตั้งแต่ทีแรก เพราะเมื่อจะลองทานซอสอย่างอื่นบ้างจะลำบากเพราะว่าชิ้นเนื้อนั้น ๆ จะติดกลิ่นฉุนอยู่มากเกินไปแล้ว
10  ใช้ส้อมทานสลัดผัก
               สลัดผักมีวิธีทานโดยเฉพาะ แต่มักจะเสิร์ฟมาพร้อมกับอาหารจากหลักจำพวกเนื้อเวลารับประทานนั้น จะทานเนื้อสลับกับสลัดผัก  หรือจะทานเนื้อให้หมดเสียก่อนจึงทานสลัดผักก้ได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ แต่ปกติแล้วจะทานสลับกันไป
               เป็นธรรมเนียมว่า ต้องใช้ส้อมอย่างเดียวในการทานสลัด

               มารยาทในการทานสลัดต้องใช้ส้อมอย่างเดียว แต่เมื่อหั่นผักก็ให้ใช้มีดได้ หรือใช้ด้านข้างของส้อมนั้น ๆ เวลาจะนำผักสลัดเข้าปากนั้น ใช้ได้ทั้งการ ตัก  พัน  หรือจิ้มลงไป    สำหรับสลัดที่เสิร์ฟมาในชามนั้น ให้ใช้เฉพาะส้อมเท่านั้นในการทาน แต่ถ้าต้องการจะใช้มีดจะต้องตักผักสลัดแบ่งมาไว้ในจานของตัวเองแล้ว


11  ลองมาทานขนมให้เหมือนกับอาหารชนิดหนึ่งกันเถอะ
               หลังอาหารจะเป็นของหวานซึ่งอาจจะประกอบไปด้วย เนยแข็ง ผลไม้ หรือขนมอื่น ๆ    เมื่อกล่าวถึงคำว่าขนมแล้ว อาจจะทำให้คิดว่าเราสามารถจะใช้มือหยิบทานได้เลย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ของหวานถือเป็นอาหารประเภทหนึ่ง ซึ่งตามธรรมเนียมตะวันตกแล้วต้องใช้มีดและส้อมในการทาน
               เนยแข็ง (CHEESE) ก็ต้องใช้มีดหั่นทาน
               ทำได้โดย ใช้ส้อมและมีดหั่นเนยแข็งให้ได้ขนาดพอคำ หรือถ้ามีขนมปังบาง ๆ เสิร์ฟมาด้วย สามารถจะใช้เนยแข็งวางบนขนมปังแล้วจึงใช้มือหยิงเข้าใส่ปากได้
                  อย่าทำให้เค้กหกเลอะเทอะ



               หากกดลงไปบนก้อนเค้ก หรือตัดแยกออกเป็นชิ้น ๆ ให้กระจายออกไป จะมำให้เค้กนั้น ๆ หมดความอร่อยได้ ทางที่ดีควรจะใช้มีดหั่นเบา ๆ หากก้อนเค้กสูงเกินไปก็ให้ผลักก้อนเค้กนอนลงแล้วจึงหั่นได้
               ชามล้างมือ ใช้จุ่มล้างเฉพาะปลายนิ้วเท่านั้น
               หากนิ้วเราสกปรกให้ล้างที่ชามล้างมือ ต้องล้างทีละข้าง โดยจุ่มเฉพาะปลายนิ้วลงไป ล้างเสร็จแล้ว นำผ้ากันเปื้อนมาวางไว้ใกล้ ๆ ตัวเพื่อรอเช็ด

             มาเรียนรู้วิธีการทานของหวานประเภทต่าง ๆ กันบ้าง
           
 เค้กที่มีรูปสามเหลี่ยมให้เริ่มทานจากทางด้านแหลมเสียก่อน เพื่อให้ทานสะดวก และส่วนที่เหลืออยู่บนจานก็จะดูไม่น่าเกลียด ถ้าเค้กสามารถตัดแบ่งได้สะดวก ใช้แต่เพียงส้อมทานอย่างเดียวก็ได้
               

ไอศครีม และเชอร์เบ็ต ถ้าเราตักทานส่วนบนบ้าง ส่วนล่างบ้าง จะแลดูไม่เหมาะสม ทางที่ถูก ควรจะทานจากส่วนที่คนอื่นมองไม่เห็นก่อน คือส่วนที่อยู่ใกล้ตัวเรานั่นเอง สำหรับเวเฟอร์ที่อาจจะมีมาด้วยนั้น ให้ทานสลับกับไอศครีมโดยไม่ต้องใช้ช้อนตัดให้เป็นชิ้น ๆ สามารถใช้มือหยิบเข้าปากได้เลย
          
     การทานกล้วยที่เสิร์ฟมาให้ ใช้ส้อมกดผลกล้วยเอาไว้และใช้มีดผ่าด้านใกล้ตัวและด้านตรงข้าม จากนั้นดึงผิวส่วนนั้นออกแล้วใช้มีดกับส้อมเปิดเปลือกแผ่ออก จากนั้นตัดเป็นชิ้นพอคำทาน โดยเริ่มจากทางซ้ายมือก่อน
              
 
ถ้าเป็นแคนตาลูปหรือพวกเมล่อนต่าง ๆ ที่เสิร์ฟมาเป็นเสี้ยว เพื่อให้ทานได้ง่าย เริ่มโดยการใช้ส้อมกดทางซ้ายเอาไว้ ส่วนทางขวาใช้มีดหั่นเข้าไป ช่วงรอยต่อระหว่างเปลือกกับเนื้อ (แต่ยกเว้นช่วงสุดท้ายไว้) จากนั้นหั่นจากบนลงล่างช่วงกลางของเมล่อน แล้วหั่นจากซ้ายมือให้ขนาดพอคำ จึงใช้ส้อมจิ้มนำเข้าปาก
             
  แอบเปิลก็ปอกเปลือกโดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสกับผลแอปเปิดโดยตรง ทำได้โดยใช้ส้อมกดเอาไว้แล้วแบ่งออกให้เป็นเสี้ยว หรือแบ่งเป็น 4 ส่วน จากนั้นตัดไส้ตรงกลางออก ใช้ส้อมแทงเข้าไปจากด้านในให้อยู่ แล้วยกขึ้นใช้มีดปอกเปลือก แอปเปิลที่ปอกแล้ววางลงบนจาน หั่นทานเป็นคำ ๆ จากทางซ้ายมือ
               ผลไม้ผลเล็ก ๆ เช่นองุ่น เชอร์รี่ หรือสตอเบอรี่ สามารถใช้นิ้วหยิบทานได้ ส่วนองุ่นผลใหญ่ ๆ นำมาปอกเปลือกบนจาน จะทำให้ทานสะดวกขึ้น  เมื่อจะนำเมล็ดหรือเปลือกที่อยู่ในปากออกมา ให้ใช้มือรองไว้ที่ปาก จากนั้นเอาวางไว้ที่ขอบจาน

12  รสชาติของชาฝรั่ง กาแฟ ต้องชิมด้วยตนเอง
               การที่จะใส่นมหรือน้ำตาลลงไปในชาฝรั่ง หรือกาแฟมากน้อยแค่ไหน หรือจะต้องใส่หรือเปล่านั้น ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน และเรื่องนี้ไม่ต้องบริการให้คนข้างเคียง    กล่าวคือ ถ้ากาแฟมีเค้กเสิร์ฟมาด้วย แน่นอนว่าจะดื่มไป ทานไปก็ได้
               ขั้นตอนในการทานกาแฟ เริ่มจากการใส่น้ำตาลลงไปเบา ๆ โดยใส่ต่ำ ๆ สิ่งสำคัญคือ อย่าให้กระเด็นออกมา ถ้าเป็นน้ำตาลก้อนต้องวางไว้บนช้อนเสียก่อน แล้วจึงจุ่มลงไปทั้งช้อน   เวลาดื่มก็อย่าทำเสียง หรือเป่าลมเพื่อให้เย็น ถึงแม้จะวางอยู่บนโต๊ะ จะขยับส่วนที่เหลืออยู่ก้น ๆ แก้วให้เขย่าไปมาก็ไม่ได้   และเมื่อใส่น้ำตาล นม และคนเรียบร้อยแล้ว ให้วางช้อนไว้ด้านตรงข้ามโดยวางให้ช้อนหงายขึ้น
13  การรับประทานอาหารแบบตามสั่งได้อย่างสบายใจ
               กริยามารยาทในการรับประทานอาหารนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาหารชุด แต่การรับประทานอาหารหรู ๆ ที่มีลักษณะเฉพาะของตนเองที่เรียกกันว่า "อะ ลา คาร์ท" ก็ควรฝึกวิธีรับประทานที่ถูกต้องเช่นกัน แต่ทั้งนี้ กริยามารยาทในการรับประทานอาหารจะต้องใช้มากน้อย ยังขึ้นอยู่กับค่านิยมของท้องถิ่น ลักษณะการจัดโต๊ะอาหาร กฎระเบียบของทางร้านอาหาร เป็นต้น จึงจำเป็นต้องใช้ให้เหมาะสมตามกรณีต่าง กันไป
               อาหารตะวันตกจำพวกที่เป็นเส้นต่างจากเส้นโซบะของญี่ปุ่น ตรงที่จะไม่ดูดเส่นเข้าปากจนหมด การทานเสียงดังถือเป็นการเสียมารยาทอย่างแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสียงเคี้ยวดัง ๆ จะเป็นที่น่ารังเกียจอย่างมาก เวลาทานจึงควรใช้ส้อมม้วนเส้นคราวละน้อย ๆ พันให้เรียบร้อยก่อนทาน โดยอาจจะใช้ช้อนช่วยในการที่เราจะพันเส่นเหล่านั้น
               กรณีที่ต้องตักซอสราดลงบนเส้น (เช่น สปาเก็ตตี้)เอง ให้ตักราดลงไปพอประมาณคำหรือสองคำ แล้วตักส่วนนั้นรับประทาน อย่าตักราดจนชุ่มไปทั้งหมดเพราะว่าอาจจะทำให้ดูสกปรกเลอะเทอะในจานได้
          สำหรับอาหารจำพวก พิซซ่านั้น หากเป็นการทานอย่างกันเองละก็จะใช้มือหยิบทานก็ได้ โดยใช้มือจับด้านกว้างไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งจับส้อมรองเนยแข็งหรือน้ำซอสที่อาจจะตกลงมาได้ แต่ถ้าเป็นสถานที่ที่แคบ ๆ จะใช้มีดและส้อมตัดแบ่งก่อนนำเข้าปากก็ได้
14  ดื่มไวน์ระหว่างอาหารจะช่วยเพิ่มรสชาติขึ้นมาก
               อาหารตะวันตกนั้น การดื่มไวน์ระหว่างมื้ออาหารถือเป็นเรื่องธรรมดา การดื่มเหล้าจะช่วยทำให้อยากทานอาหารมากขึ้น แต่ความจริงแล้ว ไวน์เหมาะกับอาหารตะวันตกมากที่สุด น่าเสียดายสำหรับคนที่เมาเหล้าง่าย ถ้าไม่ละก็ ลองดื่มไวน์ดู จะช่วยเพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างมาก
              
 เทคนิคง่ายเพื่อการดื่มไวน์

               ขณะที่พนักงานบริการกำลังเสิร์ฟไวน์ไม่ต้องถือแก้ว ให้วางเอาไว้บนโต๊ะได้เลย เมื่อจะยกขึ้นดื่มให้ใช้นิ้วจับที่บริเวณก้าน เพราะว่าถ้าอุณหภูมิของไวนืเปลี่ยนแปลงโดยอาจจะเพิ่มขึ้นจากมือของเรา จะทำให้รสชาติของไวน์นั้น ๆ เสีย หรือเปลี่ยนไปได้   อีกเรื่องที่ควรจำเอาไว้คือ ไวน์นั้น ใช้สำหรับดื่มกับอาหาร ฉะนั้นอย่าดื่มเข้าไปเป็นอึกใหญ่ ๆ ในทางที่กลับกันก็อย่ารอจนทานอาหารหมดหรือใกล้หมดเสียก่อนจึงจะดื่มไวน์ตามเข้าไป เพราะนั่นถือว่าเป็นการดื่มไวน์ที่ไม่ถูกต้องนั้นเอง
               สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติสำหรับการดื่มไวน์
               แม้การดื่มไวน์จะต้องมีมารยาทในการดื่ม แต่ก็ไม่เข้มงวดถึงขนาดทำให้น่าตกอกตกใจ จนน่ากลัว และถึงแม้ว่าไวน์จะเป็นเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ไม่แรง แต่ไวน์ก็คือเหล้าชนิดหนึ่ง สิ่งที่จะบอกต่อไปนี้ เป็นมารยาทที่ควรปฏิบัติ รวมทั้งสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่ควรจะนำไปปฏิบัติ เพราะว่าทุกวันนี้การดื่มไวน์ในชีวิตประจำวัน มีมากขึ้น จึงควรจะเรียนรู้มารยาทในการดื่มไวน์เอาไว้บ้าง
                              ขณะจับแก้วไวน์ขึ้นดื่ม อย่ากางนิ้วใดนิ้วหนึ่งออกมา จะดูไม่เป็นธรรมชาติ     ไม่ว่าจะเป็นแก้วแบบไหนก็ตามอย่าจับที่ขอบบนของแก้ว เพราะจะทำให้เกิดรอยนิ้วมือ เมื่อจะต้องจับหรือย้ายแก้วให้จับตรงก้านแก้วเท่านั้น
ทุกครั้งที่หยิบแก้วไวน์ขึ้นดื่ม จะต้องวางลงที่เดิม คือทางขวามือของเรา เพื่อไม่ให้ พนักงานบริการทำงานได้ยากขึ้น หรือเราเองอาจจะหยิบแก้วสลับกับของคนอื่น
อย่าทำเสียงดังขณะดื่มไวน์ เมื่อดื่มแล้วก็อย่าดูดลิ้น
อย่าดื่มไวน์ขณะที่มีอาหารอยู่ในปาก ต้องดื่มหลังจากที่กลืนอาหารลงไปเรียบร้อยแล้ว
               โดยมารยาทแล้วต้องดื่มไวน์ให้หมดแก้ว   หากกังวลว่าจะดื่มไม่หมดควรระบุว่า   "นิดหน่อย"  หรือปฏิเสธเสียเลย แต่หากดื่มไม่หมดจริง ๆ ก็ให้ปล่อยทิ้งเอาไว้ได้
อย่าเสิร์ฟไวน์ให้กับคนเมา  คนที่ปฏิเสธไม่ดื่ม
          วิธีรินไวน์ ให้รินต่ำ ๆ เงียบ ๆ รินให้ได้ประมาณ 2 ใน 3 ส่วนของความสูงของแก้ว             ไวน์ อนึ่งไม่นิยมรินไวน์ขาวทิ้งเอาไว้ในแก้ว ตามมารยาทแล้วเมื่อต้องการดื่มจึงจะริน
 กรณีที่ต้องรินไวน์ด้วยตัวเอง ต้องหมุนขวดไวน์ตามเข็มนาฬิกาก่อนจะยกตรงปลายขวดขึ้น เพื่อกันไวน์หยดลงบนโต๊ะ และถ้ามีสุภาพสตรีนั่งอยู่ด้วย จะต้องรินให้ผู้หญิงก่อนเสมอ ส่วนถ้าเป็นผู้หญิงทั้งหมดก็ควรจะรินให้กับคนข้าง ๆ ของเราก่อน 
                       คนที่ดื่มไวน์ไม่เป็นหรือดื่มไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เมื่อพนักงานบริการนำไวน์มาเสิร์ฟ    คราวต่อไป ให้ใช้นิ้วแตะเบา ๆ บนขอบแก้ว เพื่อเป็นการบอกว่า ไม่ต้องรินให้อีกแล้ว
                     โดยทั่ว ๆ  ไปแล้ว เราจะดื่มไวน์ขาวกับอาหารประเภทปลา หรืออาหารทะเล    ส่วนไวน์แดงนั้นจะดื่มพร้อมกับอาหารประเภทเนื้อ ซึ่งในกรณีที่ยังดื่มไวน์ไม่หมดในขณะที่พนักงานนำจานอาหารออกไปแล้ว อย่าเสียดายไวน์ที่เหลืออยู่ในแก้วอีก ควรเปลี่ยนใหม่ตามอาหารนั้น ๆ เพื่อเป็นการให้เกียรติต่อผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเจ้าภาพ
                                    หากบังเอิญทำแก้วไวน์ล้มด้วยความไม่ตั้งใจ อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องหรือนิ่งเฉยเสีย ต้องเรียกพนักงาน ฯ มาจัดการให้ การที่เราจัดการเสียเองอย่างเงียบ ๆ อาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้ และอย่าลุกรี้ลุกรนขึ้นยืน หรือส่ง เสียงดังออกมาด้วยความตกใจ
                              ก่อนที่จะดื่มไวน์ ควรจะเช็ดรอยเปิ้อนที่ริมฝีปากเสียก่อน การทำให้ขอบแก้วมีรอย  ถือว่าเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก ถ้ามีรอยเปื้อนติดอยู่ที่แก้ว  ให้ใช้ผ้ากันเปื้อนถูออ ก การใช้นิ้วมือมือ จะทำให้รอยเปื้อนนั้น  ๆ   เป็นรอยกว้างขึ้นได้
              ถ้าเป็นการดื่มฉลองโดยการชนแก้วแล้วนั้น จะต้องทำตามผู้ดำเนินการ    ถ้ามีการยกแก้วขึ้นชนก่อนดื่ม ควรจะให้แก้วอยู่ในระดับสายตาของเราเอง การชนก็เพียงให้แก้วอยู่ใกล้  ๆ  กัน หรือถูกกันเพียงเบา  ๆ  เท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น