วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556

รถยนต์ที่มาจากฝรั่งเศส (บูกัตติ เวย์รอน)







ระหว่างปี 1909-1940 เอตโตเร และชอง บูกัตติ สองพ่อลูกได้สร้างผลงานที่เรียกว่าศิลปกรรมยานยนต์ทั้งในรูปแบบรถแข่งความเร็วสูง, รถสปอร์ต และรถยนต์นั่งระดับหรูหราออกมาได้เกือบ 8,000 ชิ้น แต่ละคันเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งเทคโนโลยี และสวยสุดๆทั้งนั้น มาคราวนี้ก็เป็นการหวนกลับมาของสัญลักษณ์ที่ว่านั้นอีกครั้งกับ "บูกัตติ เวย์รอน 16.4"

The Heritage of a Great Artist

     
ในปี 1909 เอตโตเร บูกัตติ - วิศวกรหนุ่มได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่เมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า Dorlisheim และได้พัฒนาแนวทางการออกแบบรถยนต์ในฝันของเขาเมื่อวันที่ 1 มกราคม 1910 บูกัตติเริ่มตั้งบริษัทขึ้นในโรงหล่อโลหะที่เลิกใช้แล้วใกล้ๆ กับเมือง Moisheim และวันนี้ บูกัตติกลับไปเริ่มต้นที่นั่นอีกครั้ง

Technological Perfection and Design

     รูปทรงของบูกัตติล้วนแต่เคยเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมด้วยฝีมือมนุษย์ นับตั้งแต่ผลงานการสร้างสรรค์ของ "เอตโตเร อาร์โค อิซีโดเร บูกัตติ" ผู้ก่อตั้งโรงงาน หรือไม่ก็เป็นฝีมือของบูกัตติผู้เป็นลูก "ชอง" ซึ่งสืบทอดสายเลือดพ่อเอาไว้อย่างเข้มข้น รถบูกัตติแต่ละคันล้วนสร้างกันด้วยมือจากแรงงานฝีมือดีราว 1,200 คนที่โรงงานอัลเซเชียน และกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมของบูกัตติจะกลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่งใน "บูกัตติ อีบี 16.4"

     บูกัตติ เวย์รอน 16.4 ได้ปรากฏตัวครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์ที่ IAA 2001 ที่แฟรงก์เฟิร์ต โดยออกมาเป็นตัวแบ็กอัพให้กับรถสปอร์ตคูเป้ รุ่น T57 SC"Ventoux" และ "Rouge Ventoux/Noir" ซื่งในครั้งนั้น EB16.4 ได้โชว์ความโดดเด่นของเทคโนโลยีโครงสร้างตัวถังที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ที่เป็นหลักประกันถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างน้ำหนักเบา ที่สามารถปกป้องชีวิตผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้พอๆกับรถฟอร์มูล่า 1

     เปลือกตัวถังภายนอกของ EB16.4 ยังคงเป็นอะลูมินัมครอบบนโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ขนาดฐานล้อ 2.7 เมตร ที่มีพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารได้พอสะดวกสบาย แต่ที่แน่ๆก็คือในห้องโดยสารนั้น สุดแสนจะหรูหราด้วยหนังแท้

Style, Speed and Sensuality
     สมกับที่ ดร.เฟอร์ดินาน พิเอค - ประธานบอร์ดของโฟล์คสวาเก้นกรุ๊ปได้กล่าวเอาไว้ว่า "...ภาพลักษณ์ของบูกัตติที่จะกลับมาใหม่ก็คือเทคโนโลยี และนี่ก็คือสุดยอดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดของเรา ณ เวลานี้…"

     สิ่งที่นำมาศึกษาในปรัชญาในการออกแบบย้อนยุคของบูกัตติ ก็คือความสมดุลระหว่างความเป็นรถแข่งคลาสสิก เอกลักษณ์ของบูกัตติ การออกแบบและเทคโนโลยีต่างๆจึงสะท้อนภาพขยายไปยังอดีตอันรุ่งเรืองก่อน สงครามโลก ยุคที่หลุยส์ ชิรอน ชนะการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้รถสปอร์ตของบูกัตติเป็นที่โด่งดังมาก ดังนั้นเส้นสันของ EB Chiron จึงมีเค้าโครงที่ใกล้เคียงกับบูกัตติในอดีต ตัวถังความยาว 4.42 เมตร สูง 1.15 เมตร ทำขึ้นจากคาร์บอนไฟเบอร์ ดังปรัชญาของ เอตโตเร บูกัตติ - Less is more...น้ำหนักยิ่งน้อยยิ่งดี ส่วนแนวคิดที่มาจากชอง บูกัตติ ก็คือ ความงามของตัวถังที่เรียวยาว เครื่องยนต์ถูกวางไว้กลางลำตัวหลังเบาะนั่ง มองเห็นได้ผ่านกระจกหลัง ความเร็วท็อปสปีดควรจะเกิน 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ในการนี้จึงต้องมีการออกแบบให้มีสปอยเลอร์หลังที่ปรับได้ 3 ระดับเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อให้การควบคุมทำได้ดีขึ้น

     เพื่อให้รถเกาะถนนมากขึ้น จึงได้นำเอาระบบขับเคลื่อน 4 ล้อถาวรมาใช้ควบคู่ไปกับช่วงห่างระหว่างล้อกว้างเป็นพิเศษ

How do you approach a Legend?

     เมื่อครั้งที่มีการศึกษาบูกัตติ EB118 โฟล์คสวาเก้น กรุ๊ป ได้เข้ามาปลุกฟื้นคืนชีพให้บูกัตติโดยค้นหาในสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของบูกัตติ นั่นก็คือการศึกษาย้อนรอยไปถึงอดีตของบูกัตติในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถแข่ง, รถสปอร์ตทัวริ่งคาร์ ฯลฯ ที่อยู่ในช่วงทศวรรษ 1920-30 เพื่อนำมาเป็นคอนเซ็ปต์ในรถรุ่นใหม่

     ในที่สุดก็พบว่าแนวทางของเอตโตเร บูกัตตินั้น เป็นศิลปะในการสร้างรถยนต์ ที่พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ EB118 จึงถูกนำมาศึกษาเพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาความเป็นไปได้ในการผลิตออกสู่ตลาด EB118 เป็นรถที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ยาวถึง 5.05 เมตร สูง 1.42 เมตร โครงสร้างเป็นสเปซเฟรม ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวรเพื่อการยึดเกาะถนนได้เต็มที่ พร้อมทั้งระบบกันสะเทือนมัลติลิงค์ ซึ่งก็ปรากฏว่า EB118 ตอบสนองข้อมูลต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม ให้ความปลอดภัยสูง และมีความสะดวกสบายในการใช้งาน
Ultimate Performance in Elegance Harmony
     จากอิทธิพลที่ได้รับจากบูกัตติช่วงทศวรรษ 1920-30 ได้มีการพัฒนาต่อเนื่องมาเป็น EB218 เป็นรถซาลูนซึ่งมีรูปทรงรูปหยดน้ำ กระจังหน้าเอกลักษณ์รูปเกือกม้า ถึงจะเป็นรถซาลูนแต่ก็ให้ความรู้สึกแบบสปอร์ตตั้งแต่หัวจรดท้าย แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่โตยาวถึง 5.37 เมตร กว้าง 1.99 เมตร แต่ EB218 ก็ครบถ้วนด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวร ระบบกันสะเทือนมัลติลิงค์ทำด้วยอะลูมิเนียม โครงสร้างตัวถังเป็นสเปซเฟรม ถือว่าเป็น Top Luxury Class ของบูกัตติอีกคันหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในที่หรูหราด้วยหนังแท้เกรดเยี่ยม เข้าชุดกับวัสดุตกแต่งที่ทำมาจากไม้วอลนัท ตัดเส้นด้วยขอบคิ้วโลหะอย่างสวยงาม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่แนวความคิดที่ทรงอิทธิพลเหล่านี้จะถ่ายทอดมาปรากฏอยู่ใน บูกัตติ เวย์รอน 16.4
Creativity, Technology, Atr.

     หลังจากใช้เวลาในการพัฒนามาร่วม 4 ปี บูกัตติ เวย์รอน 16.4 ก็พร้อมเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตเพื่อจำหน่าย สิ่งที่รถสปอร์ตหนึ่งเดียวเจ้านี้เดินตามรอยเอกลักษณ์ที่เคยรุ่งเรืองของรถ แข่งในยุคทศวรรษ 1920-30
ในที่สุดงานออกแบบและพัฒนาที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1990 ก็มาถึงขั้นสุดท้าย และได้คอนเซ็ปต์ใหม่ที่เป็นตัวของตัวเอง และพร้อมที่จะออกวางตลาดในปี 2004 ด้วยยอดการผลิตแสนจำกัดชนิดที่เรียกว่า Strictly Limited Edition เพียง 300 คัน เรียกว่าสุดยอดเทคโนโลยีแห่งอนาคตของบูกัตติ พร้อมแจ้งเกิดในศตวรรษที่ 21 แล้วในรุ่นนี้
Dynamism and Spirit in Perfect Harmony

     ในการออกแบบสำหรับรถที่จะผลิตจำหน่าย ได้คงความเป็นบูกัตติดั้งเดิมที่ศึกษาเอาไว้เป็นส่วนใหญ่ มีการปรับปรุงในรายละเอียดเพียงเล็กน้อย เช่น กระจกมองข้างทั้งซ้าย-ขวาได้ติดตั้งเอาไฟเลี้ยวรวมเข้าไว้ด้วยกัน สปอยเลอร์หลังที่สามารถปรับเลื่อนเข้า-ออกได้ ก็เพิ่มหน้าที่ในการช่วยเบรกชะลอความเร็วขึ้นมาอีกอย่าง นอกเหนือจากที่มีไว้เพื่อการทรงตัวที่ความเร็วสูงเพียงอย่างเดียว ล้อรถขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 20 นิ้ว พร้อมโลโก้ EB ติดไว้ตรงกลางคล้ายกับล้ออะลูมิเนียมในรถแข่งบูกัตติ Type 35 ที่ใช้แข่งในช่วงทศวรรษ 1930 กระจังหน้ารถรูปเกือกม้ายังคงโดดเด่นสะดุดตาเป็นช่องลมระบายความร้อนจากรังผึ้ง ไล่ไปทางด้านข้างก็จะมีช่องลมขนาดใหญ่ทำหน้าที่ดักลมจากบริเวณหน้าล้อหลัง เพื่อให้แน่ใจในประสิทธิภาพการระบายความร้อนยามที่ต้องใช้ความเร็วสูง นอกจากนี้แล้วยังมีช่องลมอีก 2 ช่องอยู่หลังล้อหน้าอีกด้วย

     บูกัตติ เวย์รอน 16.4 ยังคงเอกลักษณ์ในการให้สีสันบนตัวถัง นั่นคือการใช้สีแบบ 2-Tone โดยสีที่ใช้จะมาเป็นคู่ๆ คือสีบริเวณกระโปรงหน้า, หลังคา ไปจรดด้านท้ายจะเป็นสีเข้ม ส่วนอีกสีที่อ่อนกว่าจะใช้บริเวณด้านข้างและแก้มบังโคลน

     ในส่วนของกระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองแล้ว ไฟหน้าจะเรียงเป็นแถวยาวเฉียงเข้าไปทางด้านข้าง และที่เป็นเอกลักษณ์ของบูกัตติอีกอย่างหนึ่งก็คือ จะเป็นรถที่มีระยะโอเวอร์แฮงก์หรือว่าหน้ารถสั้น และบังโคลนใหญ่
ในส่วนของพื้นรถ ถูกออกแบบเพื่อใช้แรงกดของอากาศอย่างเต็มที่ขณะใช้ความเร็วสูง นอกจากพื้นจะเรียบแล้ว ยังมีผลในการรีดกระแสลมเพื่อสร้างแรงกดกับตัวรถ นอกจากนั้นส่วนท้ายของรถยังมีสปอยเลอร์ฝังเอาไว้ เมื่อความเร็วของรถสูงถึงระดับหนึ่ง สปอยเลอร์ก็จะยื่นออกไปทางด้านท้ายราว 20 ซม.และยกขึ้นตามความเร็ว สปอยเลอร์นี้จะยังไม่ถูกเก็บเข้าที่ทันทีที่จอดรถและดับเครื่องยนต์ แต่มันจะเปิดให้ช่วยระบายอากาศออกจากห้องเครื่องยนต์อยู่พักหนึ่งก่อน


ส่วนท้ายของบูกัตติ เวย์รอน 16.4 สดเด่น
ภายในของ EB118 หรูหราด้วยหนังแท้เกรดเยี่ยม เข้าชุดกับวัสดุตกแต่งลายไม้วอลนัท
Exclusive Classical Function

     การตกแต่งภายในของบูกัตติ เวย์รอน 16.4 ไม่มีซ้ำแบบใครและอำนวยความสะดวกในการใช้งานได้เต็มที่ ภายในตกแต่งด้วยหนังแท้เกรดเยี่ยมและใช้สี 2-Tone เช่นเดียวกับภายนอก แล้วตัดด้วยเส้นโลหะชั้นดี ส่วนบรรดาปุ่มสวิตช์ควบคุมต่างๆก็ออกแบบได้ถูกต้องตามหลักสรีระ และจัดวางในตำแหน่งที่สวยงาม

     บนแผงหน้าปัดของบูกัตติ เวย์รอน 16.4 ประกอบด้วยมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ขนาดใหญ่เป็นหลัก รายล้อมด้วยมาตรวัดเล็กๆที่จำเป็นอีก 4 ตัว แน่นอนว่าจุดนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่ถูกเน้นบรรยากาศแห่งความเป็นรถสปอร์ตและ สายเลือดรถแข่งด้วยการตกแต่งที่ใครเห็นแล้วก็ต้องทึ่ง คือทั้งสวย ทั้งเป็นเอกลักษณ์
High Performance - but Safe

     ตัวรถถูกเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยระดับสูง เพื่อให้สมดุลกับสมรรถนะสุดยอดของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งหรือว่าความเร็วปลาย ตัวถังรถเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ชิ้นเดียวที่นำมาสร้างเป็นตัวถังแบบโมโนค็อก ความแกร่งของคาร์บอนไฟเบอร์เป็นที่ยอมรับว่าทนทานต่อการชนกระแทกได้ในระดับ สูงสุด ถุงลมนิรภัย 2 ชุดสำหรับผู้ขับและผู้โดยสารเป็นอุปกรณ์เสริมมาอีกชั้น ยางที่ใช้กับบูกัตติ เวย์รอน 16.4 เป็นยางไฮสปีดที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ สำหรับใช้ความเร็วเกิน 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขนาด 265-68R500A ที่ล้อหน้า และ 365-71R540A ที่ล้อหลัง นอกจากนี้แล้ว ภายในยางยังติดตั้งระบบ PAX ที่ช่วยให้รถแล่นได้ แม้ลมยางจะลดแรงดันกะทันหัน อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยอีกอย่างหนึ่งที่มีให้ก็คือสปอยเลอร์หลัง ซึ่งปกติจะเป็นตัวช่วยเพิ่มแรงกดและช่วยในการทรงตัวของรถที่ความเร็วสูง แต่ความพิเศษของสปอยเลอร์นี้ก็คือ ในยามฉุกเฉิน มันสามารถช่วยลดความเร็วของรถได้เช่นเดียวกับเบรกร่ม (Parachute Brake)
The Art of Machine

     เครื่องยนต์ที่บูกัตติพัฒนาขึ้นมาใช้กับบูกัตติ เวย์รอน 16.4 เป็นเอกลักษณ์อันหนึ่งซึ่งจะปรากฏในประวัติศาสตร์ของโลกยานยนต์ นั่นคือการนำเอาเครื่องยนต์ W16 สูบ ทำด้วยอะลูมินัมอัลลอยมาใช้ เครื่องยนต์นี้เป็นเครื่อง V8 90 องศา 2 เครื่องวางขนานกัน

     พลังเครื่องยนต์มหาศาล 1,001 แรงม้า หรือ 736 กิโลวัตต์ คือผลงานสูงสุดที่ปั๊มออกมาจากเครื่องยนต์นี้ และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 128.0 กก.-ม. ทำให้อัตราเร่งของรถเป็นสิ่งที่หาตัวจับได้ยากสำหรับรถสปอร์ตด้วยกัน เช่น 0 -100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 3 วินาที และผ่านความเร็วระดับ 300 ในเวลาต่ำกว่า 14 วินาที และหากใจถึงพอที่จะกดคันเร่งต่อไปจะสิ้นสุดความเร็วปลายที่ 406 กิโลเมตรต่อชั่วโมง! หากไม่ติดข้อจำกัดในด้านโครงสร้างของตัวรถ ความเร็วปลายยังสามารถจะเพิ่มไปได้อีก

     ระบบส่งกำลังของรถคันนี้ก็เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง นั่นคือการใช้ระบบเกียร์ไดเร็กต์-ชิฟต์ 7 สปีด ซึ่งเป็นนวัตกรรมของบูกัตติ สามารถลดการสูญเสียการถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อถาวรได้ การเปลี่ยนเกียร์เป็นแบบไล่เรียงลำดับขึ้นหรือลง (Sequential) เท่านั้น การเปลี่ยนเกียร์ที่ทำได้ง่ายแบบนี้ ทำให้ความรู้สึกในการเร่งออกตัวไปจนสิ้นสุดความเร็วปลาย เขาบอกว่าเหมือนกับการขับเครื่องบินไอพ่นนั่นแหละ
Merging the Past and The Future
     โรงงานผลิตบูกัตติ เวย์รอน 16.4 อยู่ระหว่างเมือง Molsheim-Dorlisheim เมืองเล็กๆของฝรั่งเศส ซึ่งเมื่อเกือบ 100 ปีก่อน เอตโตเร บูกัตติ ได้มาสร้างความฝันให้เป็นความจริงขึ้นที่นี่

     สำหรับโรงงานแห่งใหม่ไม่เพียงแต่จะเป็นที่ประกอบรถและทดสอบเท่านั้น แต่เป็นที่ที่ผู้ที่สะสมรถบูกัตติจะขับรถบูกัตติออกสู่ถนนครั้งแรกได้จากที่นี่

     Molsheim ถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางของรถบูกัตติอีกครั้ง ที่นี่จะมีการสร้างรถบูกัตติด้วยแรงงานช่างฝีมือราว 70 คันต่อปี ในโรงงานแห่งใหม่ ใกล้ๆกันก็จะเป็นโรงงานปรับสภาพรถบูกัตติรุ่นเก่าๆในประวัติศาสตร์ของบูกัตติ ทั้งบูกัตติเก่าและใหม่ก็จะมาพบกันที่บ้านใหม่แห่งนี้
   
ข้อมูลเทคนิค บูกัตติ เวย์รอน 16.4


เครื่องยนต์V8 4 วาล์วต่อสูบ 2 เครื่องวางขนานกันเป็น W16 มีซูเปอร์ชาร์จ 4 ตัว
ตำแหน่งเครื่องยนต์วางตามยาวตัวรถ กลางลำตัว
จำนวนกระบอกสูบ16
ความจุกระบอกสูบ7,993 ซี.ซี.
กระบอกสูบ x ช่วงชัก86 x 86 มม.
กำลังเครื่องยนต์736 kW /1,001 แรงม้า @ 6000 rpm
แรงบิดสูงสุด128.0 กก.-ม. @ 2,200-5,500 rpm
อัตราส่วนแรงอัดในกระบอกสูบ9.0 : 1
ระบบส่งกำลังและขับเคลื่อน
เกียร์7 สปีด เปลี่ยนเกียร์แบบเรียงลำดับ (Sequential shifting)
ล้อขับเคลื่อน4 ล้อแบบถาวร
ล้อหน้า (โลหะน้ำหนักเบา) ขนาด255x500A ยาง 265-690R 500A
ล้อหลัง (โลหะน้ำหนักเบา) ขนาด355x540A ยาง 365-710R 540A
ตัวถัง
โครงสร้างตัวถังโมโนค็อกทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ซับเฟรมทำด้วยอะลูมิเนียม
เปลือกตัวถังทำจากอะลูมิเนียม และคาร์บอนไฟเบอร์
ความยาว4,466 มม.
ความกว้าง1,998 มม.
ความสูง1,206 มม.
ฐานล้อ2,700 มม.
ช่วงล้อหน้า1,723 มม.
ช่วงล้อหลัง1,632 มม.
สมรรถนะ
ความเร็วสูงสุด406 กม./ชม.
0-300 กม./ชม.ต่ำกว่า 14.0 วินาที

เพิ่มเติม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น